SF [Wait love รักของฉันที่รอคอย ] ♥ โน่ริท ♥ - SF [Wait love รักของฉันที่รอคอย ] ♥ โน่ริท ♥ นิยาย SF [Wait love รักของฉันที่รอคอย ] ♥ โน่ริท ♥ : Dek-D.com - Writer

    SF [Wait love รักของฉันที่รอคอย ] ♥ โน่ริท ♥

    ผู้เข้าชมรวม

    1,050

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    1.05K

    ความคิดเห็น


    14

    คนติดตาม


    6
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  5 ต.ค. 53 / 18:37 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
                                                                                                          Wait love    รักของฉันที่รอคอย

                                          
                                                                                                      ฝากด้วยนะคะ
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Wait love รักของฉันที่รอคอย

                  ~อุแว๊ อุแว๊~ ! “รินรดาเธอลองออกไปดูหน้าประตูมูลนิธิสิ พี่รู้สึกเหมือนจะได้ยินเสียงเด็กร้องมาจากทางนั้น

      ได้ค่ะพี่สุ รินรดาพยักหน้ารับคำสั่งแล้วเดินออกไปยังหน้ามูลนิธิตามคำสั่งของสุ ซึ่งเป็นพี่สาวของเธอ และยังเป็นเจ้าของมูลนิธิเพื่อเด็กกำพร้าแห่งนี้อีกด้วย

               เมื่อรินรดากลับมา พร้อมกับอุ้มเด็กทารกไว้ในมือ และยืนให้ผู้เป็นเจ้าของมูลนิธิรับไปอุ้มแทน

      ใครกันนะชั่งใจร้ายใจดำ ทิ้งเด็กคนนี้ได้ลงคอ สุรับเด็กทารกมาอุ้มแทนพรางมองไปที่ใบหน้าของเด็กทารกนั้นด้วยความสงสาร

      ริน ว่าคงเป็นพวกวัยรุ่นรักสนุก และคงยังไม่พร้อมที่จะเลี้ยงเลยนำเด็กคนนี้มาทิ้งไว้ที่หน้ามูลนิธิของเรา

      ช่างเถอะริน  ว่าไงเรา ชื่ออะไรดี  

       

      19 ปีต่อมา

       

      ริท แม่สุสั่งว่ายังไง ห้ามให้ริทออกไปข้างนอกคนเดียวมันอันตราย

      ไม่เป็นไรหรอกครับ ริทโตแล้วนะให้ริทไปตลาดเถอะครับ นะนะๆร่างเล็กพูดพร้อมกับเดินเข้าไปเกาะแขนของ

      รินรดาพร้อมกับทำน้ำเสียงออดอ้อนเล็กน้อย จนคนถูกอ้อนต้องใจอ่อน

      เหอ !ริทรีบไปรีบกลับด้วย จะเดินข้ามถนนก็ระวังด้วยที่ตลาดรถมันเยอะ พูดจบเธอก็หยิบเงินในกระเป๋าสตางค์

      และยื่นให้ริทที่เธอรักเหมือนหลานแท้ๆ

      ขอบคุณครับ เดี๋ยวริทซื้อขนมมาฝากนะครับ

                    

                      ร่างเล็กยืนอยู่ตรงบริเวณริมฟุตบาตเพื่อที่จะข้ามถนนไปยังอีกฝั่งพรางครุ่นคิดในใจ รถเยอะจริงๆด้วย เมื่อได้จังหวะร่างเล็กก้าวเท้าเพื่อจะข้ามถนนไปยังอีกฝั่งโดยที่ไม่ได้ระมัดระวัง

      กระเป๋าสตางค์  ร่างเล็กใช้มือลูบบริเวณกระเป๋ากางเกงไปมาเพื่อให้แน่ใจ  ก่อนที่สายตาของร่างเล็กจะหันไปเห็นกระเป๋าสตางค์ ที่ตกอยู่นั้น ร่างเล็กก้าวเท้าเข้าไปหยิบกระเป๋าโดยที่ไม่ได้ระวังว่าตอนนี้เค้ากำลังอยู่กลางถนนพร้อมกันมีรถแล่นมาด้วยความเร็ว

       

               ~ปัง~ กรี๊ดดดดดดด เสียงจากผู้คนที่พบเห็นเหตุการณ์กรีดร้องด้วยความตกใจ โดยมองคนที่กำลังจะหมดสติพร้อมกับม่านตาที่ค่อยๆปิดลงอย่าช้าๆ

       

      ริท ฟื้นแล้วหรอลูก  เสียงจากผู้เป็นแม่(เลี้ยง)เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นร่างเล็กค่อยๆรู้สึกตัวและกำลังจะค่อยๆลืมตาอย่างช้าๆ หลังจากที่ร่างเล็กหมดสติไปถึง 2

      แม่ริทมอง..ริทมองไม่เห็นแม่ ริทมองไม่เห็นอะไรเลย ผู้เป็นแม่ตกใจไม่น้อยพร้อมกันใช้มือโบกไปโบกมา

      ที่บริเวณดวงตาทั้งสอง พร้องกับมีหยาดน้ำตาที่ค่อยๆไหลเอ่อล้นด้วยความตกใจ

      ริทมองเห็นแม่ไหมลูก ผู้เป็นแม่โบกมือไปมาเพื่อให้แน่ใจ ว่าลูกของเธออาจจะได้รับการกระทบกระเทือน

      ไม่ครับ ริทมองไม่เห็นอะไรเลย ถึงร่างเล็กจะลืมตาพร้อมกับแววตาที่ทอประกายก็ไม่ได้ช่วยทำให้ร่างเล็กสามารถมองเห็นได้เลย ผู้เป็นแม่ตัดสินใจออกจากของนั้นทันที่พร้อมกับมีเสียงสะอื้นเล็กน้อยเพราะไม่สามารถทำใจและรับสภาพของผู้เป็นลูกได้

           

                       ภายในห้องตรวจ  หมอที่กำลังตรวจบริเวณนัยต์ดวงตาอย่างพินิจ เพื่อหาสาเหตุ และหมอก็สรุปได้ว่า

      สาเหตุที่คนไข้มองไม่เห็นก็เพราะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงบริเวณศรีษะ พร้อมกับเศษกระจกที่บาดเลนส์ตาดำ จึงทำให้คนไข้สูญเสียการมองเห็นไปชั่วคราว

      ที่หมอบอกว่าชั่วคราว ก็แสดงว่าจะมีทางรักษาให้หายได้ใช้ไหมคะ

      ใช่ครับสามารถกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมของตัวคนไข้เอง

      แล้วค่าผ่าตัดสูงไหมคะหมอ

      หมอคิดว่าก็คงสูงอยู่ครับ สาววัยกลางคนแทบจะทรุดตัวลงนั่งกับพื้นเพราะเค้าไม่รู้จริงๆว่าจะหาเงินมาจากที่ไหน

      ผมจะเป็นคนออกค่าผ่าตัดให้คนไข้เอง ชายร่างสูงเดินมาพร้อมกับพยุงสาววัยกลางคนและเอ่ยทอยคำสารภาพ

       คือผมเป็นคนขับรถชนเด็กคนนั้นเองครับ เธอผลักคนที่พยุงตัวเธอให้ออกห่างหลังจากจบคำพูดของร่างสูง

      ไอ้โน่ เสียงจากหมอเมฆหรือเมฆซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของร่างสูงเอ่ยทักผู้เป็นเพื่อน

      เดี๋ยวก่อนนะไอ้เมฆ เอ่อหมอเมฆขอพูดให้จบก่อน ชายร่างสูงหันกลับไปมองหญิงไว้กลางคนนั้นอีกครั้ง

      ผมขอโทษ ผมขอโทษจริงๆ

      คุณรู้ไหมคุณทำให้ลูกของฉันต้องตาบอด และคุณรู้ไม่ว่าชีวิตลูกของฉันน่าสงสารมากแค่ไหน

      ผมทราบครับ ทราบทุกอย่าง  ตอนนี้ผมได้ไปมอบตัวและยอมรับผิดทุกอย่าง เพียงแค่ผมขอชดใช้ค่าเสียหายทุกอย่างพร้อมกับผมจะเป็นคนมาดูแลเค้าเอง รวมถึงค่าผ่าตัดนั้นด้วยมันอาจฟังดูง่ายนะครับ แต่ผมขอแค่โอกาสคอยดูแลเด็กคนนั้นจนกว่าเค้าจะหายเป็นปกติ

       

                  หลังจากจบการสนทนาไปสักพักใหญ่

      ไอ้โน่ มึงคิดให้ดีๆนะการที่จะดูแลคนไข้ทางสายตาไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย

      กูคิดดีแล้ว ถึงมันจะอยากลำบากแค่ไหนแต่มันก็น้อยกว่าที่กูทำให้เค้าต้องตาบอด และยิ่งกูได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กคนนั้นก็ทำให้กูรู้ว่าเด็กคนนั้นน่าสงสารจริงๆ  เออ ไอ้เมฆช่วยกูอย่างได้ไหมวะ

            

            ร่างเล็กค่อยๆลืมตาและกระพริบตาย่างช้าๆเพื่อให้แน่ใจว่าเค้าไม่ได้ฝันไป พร้อมกับมีน้ำใส่ๆค่อยไหลรินอาบแก้มทั้งสอง

      ฮึก ๆเราไม่ได้ฝันไปจริงๆ ทำไมชีวิตเราจะต้องมาเป็นแบบนี้ด้วย หือๆ เราจะไม่มีวันให้อภัยคะ..คน!”

      ~ตุ๊บ~ยังไม่ทันที่ร่างเล็กจะพูดจบ เค้าก็ต้องหันไปตามความรู้สึกเหมือได้ยินสิ่งบางอย่างหล่นที่พื้น และสัมผัสได้ว่าภายในห้องยังมีอีกหนึ่งชีวิต ซึ่งร่างเล็กไม่รู้เลยว่าคนที่อยู่ภายในห้องกับเค้าจะเป็นคนที่ขับรถชนเค้าเมื่อ 2 ก่อน

      นั้นใคร

      ผมเป็น  เป็นหมอครับ เอ่อหมอจิตรแพทย์ ร่างสูงจำเป็นจะต้องโกหกเพื่อความสบายใจของคนร่างเล็กถ้าบอกความจริงไปร่างเล็กคงไม่ให้อภัยแน่

      คือผมจะคอยมาดู และให้คำปรึกษาคุณทุกวัน เพราะผมเข้าใจว่าคนที่ได้รับอุบัติเหตุทางสายตาอาจจะคิดมาก มันจึงจำเป็นที่ผมจะต้องคอยให้คำปรึกษาและคงจะต้องมาดูแลคุณทุกวันจนกว่าคุณจะกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง ร่างสูงพูดจบก็ก้มลงหยิบถุงข้าวต้มที่ทำล่วงก่อนหน้านี้และวางลงที่โต๊ะข้างๆเตียง พรางมองร่างเล็กที่นั่งเงียบเหมือนกำลังฟังว่าร่างสูงทำอะไร

      เอ่อ ตอนนี้คุณรู้สึกยังไงบ้าง ร่างสูงเอ่ยถามพร้อมกับพาตัวเองนั่งลงที่โซฟาข้างๆเตียง

      ริท ผมรู้สึกทรมาน ริทมองอะไรไม่เห็นเลย ฮึกๆ และริทพูดได้คำเดียวว่าผมโกรธคนที่ขับรถชนผม ริทก็อยากจะรู้นักว่าจิตใจเค้าทำด้วยอะไรเพราะตั้งแต่ที่ผมฟื้นมาริทยังไม่ได้ยินคำขอโทษจากคนนั้นเลย หือๆ ร่างสูงทำได้เพียงมองคนข้างหน้าที่กำลังมีน้ำตาไหลลงมาอาบแก้มด้วยความรู้สึกผิด

      เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะมาใหม่นะครับ น้องเอ่อน้องริท ร่างสูงพูดจบก็ลุกขึ้น เพราะเค้าไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงดี

      เอ่อ เดี๋ยวครับหมอ คุณหมอชื่ออะไรหรอครับริทจะได้เรียกถูก

      ผมชื่อคิน หรือเรียกหมอคินก็ได้ครับ คนร่างสูงจำเป็นจะต้องโกหกโดยการขอร้องหมอเมฆผู้เป็นเพื่อนไม่ให้บอกความจริงกับคนร่างเล็กเพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย

       

                     หลายวันที่ผ่านมานี้ร่างสูงพยายามทำเกือบทุกอย่างเพื่อชดใช้ในสิ่งที่เค้าประมาท โดยการพาไปที่ต่างๆคอยพยุงเดิน คอยอยู่เป็นเพื่อนชวนคุยในเรื่องต่างๆ และดูเหมือนว่าคนร่างเล็กจะค่อยๆยอมรับกับสภาพความเป็นจริง

        เอ่อ คุณหมอไม่ต้องป้อนริทก็ได้ครับ ริทกินเองดีกว่าคุณหมอไปทำงานเถอะครับ

      ฉันรู้ว่าริทไม่กินผัก ถ้าริทตักกินเองริทอาจจะตักไปโดนผักก็ได้นะ ให้ฉันป้อนน่ะดีแล้ว ร่างสูงพูดพร้อมกับตักข้าวต้มหมูสับไปจ่อที่บริเวณปากเล็กๆนั้น

      อะ อ้าปากสิ

      คือ..ริทอิ่มแล้วครับ

      อิ่มแล้วหรอพึ่งกินไปไม่กี่คำเองนะ

      ริทอิ่มแล้วจริงครับ เอ่อคุณหมอครับริทขอพูดอะไรหน่อยได้ไหมครับ

      ได้สิ ว่ามาเลย

      คุณหมอไม่น่าเสียเวลามาดูแลริทถึงขนาดนี้เลย

      ไม่เสียเวลาหรอกมันคือหน้าที่ตั้งหากล่ะ

      แล้วคุณหมอไม่ไปดูแลคนอื่นหรอครับ

      ไปสิ แต่ฉันเห็นริทแล้วรู้สึกถูกชะตาก็เลยมาอยู่เป็นเพื่อนทุกวันไง ร่างสูงพูดก่อนที่จะลงนั่งที่โซฟาพลางมองไปที่ใบหน้าหวาน

      ขอบคุณครับที่คอยอยู่เป็นเพื่อนผมมาตลอด

      เดี๋ยวพรุ่งนี้ริทก็ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วนะ  ดีใจไหม

      ดีใจครับ ผมคิดถึงบ้าน

      เดี๋ยวฉันมานะ  เอ่อจริงสิวันนี้จะมานอนเฝ้าริทนะ

      คือ คุณ~ปัง~ ยังไม่ทันที่ร่างเล็กจะพูดจบเสียประตูที่ถูกปิดจากคนร่างสูงดังขึ้นมาเสียก่อน

      อ้าว ไปซะแล้ว เรารู้สึกเกรงใจเค้าจังเลยหลายวันแล้วที่เค้ามานอนเฝ้าเราทั้ง ๆที่เค้าไม่ใช่ญาติไม่ใช่คนที่ขับรถชนเราด้วยซ้ำ แต่ทำไมเค้าถึงทำดีกับเราได้ขนาดนี้นะ

            

                 รถคันหรูได้แล่นมาจอดบริเวณหน้ามูลนิธิพร้อมกับร่างเล็กที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเบาะคนขับ ร่างสูงอ้อมรถไปเปิดประตูพร้อมกับพยุงตัวคนร่างเล็กให้เดินเข้าไปยังห้อง

      ถึงแล้วห้องริท นั่งสิ ร่างสูงค่อยๆดันร่างเล็กลงเพียงเล็กน้อยเพื่อให้นั่งลงที่เตียง

      ขอบคุณครับ

      เดี๋ยวถ้าริทพร้อมที่จะผ่าตัดเมื่อไร ก็บอกเดี๋ยวจะได้แจ้งทางโรงพยาบาล

      ริทกับแม่คงไม่มีเงินเยอะขนาดนั้นหรอกครับ

      เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอกแค่ให้ริทพร้อมก็พอ ร่างสูงพูดจบพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งข้างๆคนร่างเล็กพรางมองไปที่ใบหน้าหวาน ร่างสูงใช้มือไปแตะที่ไหล่เล็กนั้นเบาๆก่อนจะเอ่ยถ้อยคำออกมา

      ฉันอยากให้ริทหาย เพราะช่วงระยะที่ผ่านมาที่ฉันดูแลริท ฉันก็รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวด จนบางที่ฉันก็แอบเห็นริทร้องไห้อยู่คนเดียวมันทำให้ฉันรู้สึกเห็นใจริท จนทำให้ฉันอดที่จะร้องไห้ตามริทไม่ได้

      ขอบคุณที่หวังดีและดูแลริทมาตลอด ถ้าริทมองเห็นคุณเมื่อไรหวังว่าริทคงจะได้ตอบแทนบุญคุณ คุณนะครับ

      คิดซะว่าฉันเป็นพี่ชายของริทเลยแล้วกัน นอนพักผ่อนเถอะ ร่างสูงค่อยๆประครองร่างเล็กเพื่อให้นอนราบไปกับเตียง โดยที่ร่างสูงนั่งมองร่างเล็กที่กำลังจะหลับไป

       

                      หลายเดือนแล้วที่ร่างสูงเทียวไปเทียวมา ตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับแม่ของริทว่าเค้าจะดูแลริทจนกว่าตาจะกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง  จนมาถึงวันนี้ที่หมอนัดให้มาผ่าตัดตาที่ถูกการกระทบกระเทือนและเศษกระจกที่เกิดจากอุบัติเหตุเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา

                      ร่างสูงกำลังเดินตามรถเข็นพยาบาลให้ทันเพื่อไปยังห้องผ่าตัดพร้อมทั้งสุและรินรดา  โดยเค้าได้พูดกับร่างเล็กเพียงเล็กน้อยก่อนที่รถเข็นจะหายเข้าไปยังห้องผ่าตัด

      เข้มแข็งไว้นะ เดี๋ยวก็หายแล้ว  fighting

       

                  แสงแดดอ่อนในตอนเช้าส่องผ่านผ้าม่านของห้องพิเศษชั้น 6 ของโรงพยาล ก็ทำให้คนร่างเล็กรู้สึกตัวขึ้นหลังจากที่หลับใหลไปถึงหนึ่งวันเต็ม ร่างเล็กค่อยๆกระพริบตาอย่างช้าๆก่อนที่จะยันตัวเองให้ลุกนั่งพร้อมพรางมองไปรอบๆห้อง และตอนนี้ร่างเล็กก็เห็นผู้ชายร่างสูงที่กำลังหลับอยู่บริเวณโซฟาข้างๆเตียง

      คุณ ครับ คุณ ร่างเล็กเอ่ยทักออกไปโดยไม่แน่ใจ ว่าใช่คนที่เค้าอยากพบหรือเปล่าและก็ดูเหมือนว่าร่างสูงจะเริ่มรู้สึกตัวตื่นแล้ว

      คุณใช่หมอคินหรือเปล่าครับ เมื่อร่างเล็กได้จังหวะก็ถามคำถามที่อยากรู้มากที่สุด

      เปล่าครับ ผมไม่ได้เป็นหมอ

      อ้าว ร่างเล็กอุทานออกมา เหมือนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

      แต่ทำไมเสียคุณถึงได้เหมือน   ช่างเถอะ แล้วคุณเป็นใครครับ

      ผมเป็นคนที่ขับรถชนคุณเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา ร่างเล็กเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าคนที่ขับรถชนจะกล้ามาเจอเค้าในวันนี้

      คุณนี้เองที่ขับรถชนผม ! คุณรู้ไหมผมทรมานแค่ไหน ฮึก ร่างเล็กสะอื้นเล็ก

      คุณรู้ไหมระยะเวลาที่ผ่านมาผมก็ได้แต่รอคนที่ขับรถชนผมจะมาขอโทษ แต่ไม่เลยคุณกับไม่เคยขอโทษหรือมาถามว่าเป็นผมยัง รู้สึกยังไง ร่างเล็กทำได้เพียงจองมองใบหน้าชายหนุ่มด้วยอารมณ์โกรธเคือง

      ผมขอโทษ ผมขอโทษจริงๆ ที่ผมไม่ได้บอกคะ..คุยังไม่ทันที่ร่างสูงจะพูดจบเสียงเล็กก็พูดแทรกมาเสียก่อน

      คุณกลับไป ! คำขอโทษของคุณตอนนี้มันไม่มีค่า  กับไปเถอะ หรือคุณจะไปตายที่ไหนก็เชิญเลยคุณจะได้รู้สึกถึงความทรมานว่ามันเป็นยังไง

      คือผมจะ.. ร่างเล็กไม่รอคำพูดจากคนตรงหน้า พร้อมกับเอื้อมมือไปคว้าแก้วน้ำ สาดใส่เข้าที่ใบหน้าคนร่างสูงทันที

       

                   ร่างสูงค่อยๆหันหลังแล้วเดินออกไปเพราะเข้าใจความรู้สึกของริท ถึงพูดอะไรออกไปริทก็คงไม่ยอมฟัง

       

      ~แอ๊ด~เสียงประตูที่ถูกเปิดโดยผู้เป็นแม่ พลางมองลูกด้วยความสงสัย

      ริท เป็นอะไรลูก

      ผมเจอคนใจร้าย คนที่ขับรถชนผม ฮึกๆ หือๆเธอพอจะเข้าใจแล้วว่า ริทอาจจะยังไม่รู้ความจริง

      ริท โกรธเค้ามากหรอลูก ผู้เป็นแม่พูดจบก็เอื้อมมือมาเช็ดน้ำให้

      ครับผมโกรธเค้ามาก

      และถ้าแม่จะบอกว่า คนที่ลูกโกรธคือคนที่ค่อยมาดูแลลูกทุกวันล่ะ แล้วลูกยังจะโกรธเค้าอยู่หรือเปล่า

      แม่หมายความว่ายังไง

      ระยะเวลาที่ผ่านมาเค้าเป็นคนคอยดูแลลูกทุกอย่าง คอยมาเฝ่าลูก มาอยู่เป็นเพื่อน มันก็ทำให้แม่คิดว่าเค้าก็เป็นคนจิตใจดี

      ไม่เคยใช้เงินฝาดหัวแต่กลับมาดูแลแทนเพื่อชดใช้ในสิ่งที่เค้าประมาทในวันนั้น   เมื่อร่างเล็กได้ยินอย่างนั้นก็รีบวิ่งออกไปจากห้องทันที 

                      ร่างเล็กพยายามตามหาและได้แต่หวังว่าคนคนนั้นคงยังอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้

      เราไม่น่าพูดแรงๆแบบนั้นออกไปเลย  น่าจะฟังให้จบก่อน ร่างเล็กวิ่งเรื่อยๆจนตอนนี้ก็ได้มาหยุดตรงสวนดอกไม้ของโรงพยาบาล พร้อมกับก้าวเท้าเล็กๆนั้นไปยังบุคคลที่กำลังตามหา

      มาอยู่ตรงนี้เองหรอครับ ผมตามหาคุณแทบแย่ ร่างเล็กพูดก่อนจะพาตัวเองลงนั่งข้างๆร่างสูง พรางมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลานั้น

      คือริท ขอโทษนะครับที่ไม่ยอมฟังคุณพูดให้จบก่อน และริทต้องขอโทษอีกครั้งที่พูดจาแรงๆแบบนั้นออกไป เพราะว่าริทไม่รู้จริงๆ

      ผมตั้งหากที่ต้องขอโทษริท เพราะผมโกหกทุกอย่างรวมไปถึง ทำให้ริทต้องตาบอดด้วย ต้องขอโทษจริงๆ ร่างสูงหันมาและสบตากับคนร่างเล็กพอดี

      งั้นก็หายกันนะครับ เราเลิกพูดเรื่องนี้ดีกว่าริทไม่อยากได้ยินเรื่องราวที่ผ่านมาแล้ว ริทพูดก่อนจะหันกลับไปมองรอบๆสวนดอกไม้

      หายโกรธพี่แล้วใช่ไหม

      ริทหายโกรธตั้งแต่รู้ว่าคุณเป็นคนดูแลริทมาตลอด แต่เอ๊ะเมื่อกี้คุณเรียกตัวคุณว่าพี่งั้นหรอ ร่างเล็กเอียงคอถามด้วยความสงสัย

      ทำไมล่ะ ก็พี่จะรับริทมาเป็นน้องไง

      น้องหรอครับ

      ใช่น้องและพี่ตั้งใจไว้ตั้งนานแล้วว่าจะส่งริทไปเรียนที่ต่างประเทศ

      คุณจะส่งริทเรียนต่อจริงๆหรอครับ แต่..ว่า

      เรียงนี้พี่ขอแม่ริทแล้วว่าจะขอส่งริทเรียนเอง ก็พี่อยากให้น้องพี่ได้เรียนสูงๆและหลังจากเมื่อริทเรียนจบพี่ก็จะรับริทมาอยู่ที่บ้านของพี่  แต่..ไม่ใช่ในฐานะน้องชายนะ

      คุณจะให้ผมเรียนจบแล้วก็มาใช้หนี้คุณหรอ

      ไม่ใช่ๆ ร่างสูงส่ายหน้าไปมาอย่างช้าๆพร้อมกับเอื้อมมือไปกุมที่มือเล็กนั้น

      ไม่ใช่ในฐานะน้อง แต่เป็น.. อยู่ในฐานะคนรักตั้งหากล่ะ ร่างสูงหับไปสบตากับคนร่างเล็กอีกครั้งพร้อมกับกุมมือให้กระชับยิ่งขึ้น  จนสังเกตได้ว่าใบหน้าของคนร่างเล็กเริ่มขึ้นสี

      ถึงระยะเวลาที่พี่ดูแลริทมันอาจจะเป็นช่วงเวลาสั่นๆ แต่มันก็ทำให้พี่มั่นใจว่าพี่สามารถดูแลริทได้  ไม่ใช่เพราะว่าพี่สงสารแต่มันเกิดจากความรักที่เริ่มก่อตัวขึ้นมาในช่วงที่พี่ดูแลริท ร่างเล็กได้แต่นั่งอึ้ง มองคนข้างๆ ด้วยอาการเขินเล็กน้อย เพราะไม่คิดเลยว่าคนที่กำลังพูดความในใจจะคิดเหมือนกัน ใช่ถึงมันจะเป็นช่วงเวลาแค่ประมาณไม่กี่เดือนร่างเล็กก็สัมผัสได้ถึงความหวังดี

      เอ่อระ..ริทก็

      พี่รู้ว่าริทกำลังอึ้งอยู่  แต่พี่ก็ให้เวลาริทได้นะ  4 ปีที่ริทไปเรียนพี่ก็จะรอริทกลับมาและพี่ก็จะไปขอริทแต่งงานกับแม่สุและเราก็จะได้อยู่ด้วยกัน

      แล้วคุณจะรอได้หรอตั้ง 4 ปีเลยนะ

      ได้สิแค่ 4 ปีเองพี่รอได้ แล้วถ้าถึงวันนั้นพี่ก็แน่ใจว่าพี่สามารถดูแลริทได้จริงๆ ร่างสูงหันไปก่อนที่จะหันตัวคนร่างเล็กให้สบตาก่อนที่เค้าจะค่อยๆสวมกอดคนตรงหน้าอย่างนุ่มนวล พร้อมกับกระซิบข้างหูของคนร่างเล็กทันที

      พี่แค่อยากจะบอกว่าพี่รักริทตั้งแต่แรกพบ ร่างสูงค่อยๆคลายร่างเล็กออกจากอ้อมกอดพร้อมกับจองมองไปที่ดวงตาคู่สวยนั้นที่กำลังเขินอาย

      แล้วริทล่ะ เริ่มชอบพี่หรือยัง ร่างเล็กพรางครุ่นคิดในใจก่อนที่จะยื่นใบหน้าหวานนั้นพร้อมกับกดจูบที่แก้มของคนร่างสูงแล้วเดินหนีไปทันทีด้วยความเขินอาย  เหลือแต่เพียงร่างสูงที่นั่งอึ้งพร้อมกับได้รู้คำตอบว่าร่างเล็กคิดยังเมื่อตั้งสติได้คนทั้งสองก็ได้แต่วิ่งไล่จับอย่างมีความสุข

       

       

                   Tono

                      ขอบคุณสวรรค์ที่ทำให้เกิดเรื่องในวันนั้น พร้อมกับส่งคนที่น่ารักๆมาให้ผมดูแล

      ผมจะไม่ยอมปล่อยหัวใจของผมให้ทุกข์ทรมานเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว

       

      ผมสัญญาว่าจะดูแลริทให้เท่ากับชีวิตของผม ขอบคุณที่ส่งริทมาและผมสัญญาว่าจะดูแลหัวใจดวงนี้ที่ผมรอคอยมากตลอดให้ดีที่สุด

       

                                                                                                      

                                                                                             ภาคินเรืองฤทธิ์

                         I promise

       

       

      …….………………………………………………………………………………………………..

       

                           ติชมกันได้นะคะ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×