SF [Wait love รักของฉันที่รอคอย ] ♥ โน่ริท ♥
ผู้เข้าชมรวม
1,050
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Wait love รักของฉันที่รอคอย
~อุแว๊ อุแว๊~ ! “รินรดาเธอลองออกไปดูหน้าประตูมูลนิธิสิ พี่รู้สึกเหมือนจะได้ยินเสียงเด็กร้องมาจากทางนั้น”
“ได้ค่ะพี่สุ” รินรดาพยักหน้ารับคำสั่งแล้วเดินออกไปยังหน้ามูลนิธิตามคำสั่งของสุ ซึ่งเป็นพี่สาวของเธอ และยังเป็นเจ้าของมูลนิธิเพื่อเด็กกำพร้าแห่งนี้อีกด้วย
เมื่อรินรดากลับมา พร้อมกับอุ้มเด็กทารกไว้ในมือ และยืนให้ผู้เป็นเจ้าของมูลนิธิรับไปอุ้มแทน
“ใครกันนะชั่งใจร้ายใจดำ ทิ้งเด็กคนนี้ได้ลงคอ” สุรับเด็กทารกมาอุ้มแทนพรางมองไปที่ใบหน้าของเด็กทารกนั้นด้วยความสงสาร
“ ริน ว่าคงเป็นพวกวัยรุ่นรักสนุก และคงยังไม่พร้อมที่จะเลี้ยงเลยนำเด็กคนนี้มาทิ้งไว้ที่หน้ามูลนิธิของเรา”
“ ช่างเถอะริน ว่าไงเรา ชื่ออะไรดี”
19 ปีต่อมา
“ ริท แม่สุสั่งว่ายังไง ห้ามให้ริทออกไปข้างนอกคนเดียวมันอันตราย”
“ ไม่เป็นไรหรอกครับ ริทโตแล้วนะให้ริทไปตลาดเถอะครับ นะนะๆ” ร่างเล็กพูดพร้อมกับเดินเข้าไปเกาะแขนของ
รินรดาพร้อมกับทำน้ำเสียงออดอ้อนเล็กน้อย จนคนถูกอ้อนต้องใจอ่อน
“ เหอ !ริทรีบไปรีบกลับด้วย จะเดินข้ามถนนก็ระวังด้วยที่ตลาดรถมันเยอะ” พูดจบเธอก็หยิบเงินในกระเป๋าสตางค์
และยื่นให้ริทที่เธอรักเหมือนหลานแท้ๆ
“ ขอบคุณครับ เดี๋ยวริทซื้อขนมมาฝากนะครับ”
ร่างเล็กยืนอยู่ตรงบริเวณริมฟุตบาตเพื่อที่จะข้ามถนนไปยังอีกฝั่งพรางครุ่นคิดในใจ รถเยอะจริงๆด้วย เมื่อได้จังหวะร่างเล็กก้าวเท้าเพื่อจะข้ามถนนไปยังอีกฝั่งโดยที่ไม่ได้ระมัดระวัง
“ กระเป๋าสตางค์” ร่างเล็กใช้มือลูบบริเวณกระเป๋ากางเกงไปมาเพื่อให้แน่ใจ ก่อนที่สายตาของร่างเล็กจะหันไปเห็นกระเป๋าสตางค์ ที่ตกอยู่นั้น ร่างเล็กก้าวเท้าเข้าไปหยิบกระเป๋าโดยที่ไม่ได้ระวังว่าตอนนี้เค้ากำลังอยู่กลางถนนพร้อมกันมีรถแล่นมาด้วยความเร็ว
~ปัง~ กรี๊ดดดดดดด เสียงจากผู้คนที่พบเห็นเหตุการณ์กรีดร้องด้วยความตกใจ โดยมองคนที่กำลังจะหมดสติพร้อมกับม่านตาที่ค่อยๆปิดลงอย่าช้าๆ
“ ริท ฟื้นแล้วหรอลูก” เสียงจากผู้เป็นแม่(เลี้ยง)เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นร่างเล็กค่อยๆรู้สึกตัวและกำลังจะค่อยๆลืมตาอย่างช้าๆ หลังจากที่ร่างเล็กหมดสติไปถึง 2
“ แม่ริทมอง..ริทมองไม่เห็นแม่ ริทมองไม่เห็นอะไรเลย” ผู้เป็นแม่ตกใจไม่น้อยพร้อมกันใช้มือโบกไปโบกมา
ที่บริเวณดวงตาทั้งสอง พร้องกับมีหยาดน้ำตาที่ค่อยๆไหลเอ่อล้นด้วยความตกใจ
“ ริทมองเห็นแม่ไหมลูก” ผู้เป็นแม่โบกมือไปมาเพื่อให้แน่ใจ ว่าลูกของเธออาจจะได้รับการกระทบกระเทือน
“ ไม่ครับ ริทมองไม่เห็นอะไรเลย” ถึงร่างเล็กจะลืมตาพร้อมกับแววตาที่ทอประกายก็ไม่ได้ช่วยทำให้ร่างเล็กสามารถมองเห็นได้เลย ผู้เป็นแม่ตัดสินใจออกจากของนั้นทันที่พร้อมกับมีเสียงสะอื้นเล็กน้อยเพราะไม่สามารถทำใจและรับสภาพของผู้เป็นลูกได้
ภายในห้องตรวจ หมอที่กำลังตรวจบริเวณนัยต์ดวงตาอย่างพินิจ เพื่อหาสาเหตุ และหมอก็สรุปได้ว่า
“สาเหตุที่คนไข้มองไม่เห็นก็เพราะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงบริเวณศรีษะ พร้อมกับเศษกระจกที่บาดเลนส์ตาดำ จึงทำให้คนไข้สูญเสียการมองเห็นไปชั่วคราว”
“ ที่หมอบอกว่าชั่วคราว ก็แสดงว่าจะมีทางรักษาให้หายได้ใช้ไหมคะ”
“ ใช่ครับสามารถกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมของตัวคนไข้เอง”
“ แล้วค่าผ่าตัดสูงไหมคะหมอ ”
“หมอคิดว่าก็คงสูงอยู่ครับ” สาววัยกลางคนแทบจะทรุดตัวลงนั่งกับพื้นเพราะเค้าไม่รู้จริงๆว่าจะหาเงินมาจากที่ไหน
“ผมจะเป็นคนออกค่าผ่าตัดให้คนไข้เอง ”ชายร่างสูงเดินมาพร้อมกับพยุงสาววัยกลางคนและเอ่ยทอยคำสารภาพ
“คือผมเป็นคนขับรถชนเด็กคนนั้นเองครับ ” เธอผลักคนที่พยุงตัวเธอให้ออกห่างหลังจากจบคำพูดของร่างสูง
“ ไอ้โน่” เสียงจากหมอเมฆหรือเมฆซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของร่างสูงเอ่ยทักผู้เป็นเพื่อน
“ เดี๋ยวก่อนนะไอ้เมฆ เอ่อหมอเมฆขอพูดให้จบก่อน” ชายร่างสูงหันกลับไปมองหญิงไว้กลางคนนั้นอีกครั้ง
“ผมขอโทษ ผมขอโทษจริงๆ”
“คุณรู้ไหมคุณทำให้ลูกของฉันต้องตาบอด และคุณรู้ไม่ว่าชีวิตลูกของฉันน่าสงสารมากแค่ไหน”
“ผมทราบครับ ทราบทุกอย่าง ตอนนี้ผมได้ไปมอบตัวและยอมรับผิดทุกอย่าง เพียงแค่ผมขอชดใช้ค่าเสียหายทุกอย่างพร้อมกับผมจะเป็นคนมาดูแลเค้าเอง รวมถึงค่าผ่าตัดนั้นด้วยมันอาจฟังดูง่ายนะครับ แต่ผมขอแค่โอกาสคอยดูแลเด็กคนนั้นจนกว่าเค้าจะหายเป็นปกติ”
หลังจากจบการสนทนาไปสักพักใหญ่
“ไอ้โน่ มึงคิดให้ดีๆนะการที่จะดูแลคนไข้ทางสายตาไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย”
“ กูคิดดีแล้ว ถึงมันจะอยากลำบากแค่ไหนแต่มันก็น้อยกว่าที่กูทำให้เค้าต้องตาบอด และยิ่งกูได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กคนนั้นก็ทำให้กูรู้ว่าเด็กคนนั้นน่าสงสารจริงๆ เออ ไอ้เมฆช่วยกูอย่างได้ไหมวะ”
ร่างเล็กค่อยๆลืมตาและกระพริบตาย่างช้าๆเพื่อให้แน่ใจว่าเค้าไม่ได้ฝันไป พร้อมกับมีน้ำใส่ๆค่อยไหลรินอาบแก้มทั้งสอง
“ฮึก ๆเราไม่ได้ฝันไปจริงๆ ทำไมชีวิตเราจะต้องมาเป็นแบบนี้ด้วย หือๆ เราจะไม่มีวันให้อภัยคะ..คน!”
~ตุ๊บ~ยังไม่ทันที่ร่างเล็กจะพูดจบ เค้าก็ต้องหันไปตามความรู้สึกเหมือได้ยินสิ่งบางอย่างหล่นที่พื้น และสัมผัสได้ว่าภายในห้องยังมีอีกหนึ่งชีวิต ซึ่งร่างเล็กไม่รู้เลยว่าคนที่อยู่ภายในห้องกับเค้าจะเป็นคนที่ขับรถชนเค้าเมื่อ 2 ก่อน
“นั้นใคร”
“ผมเป็น เป็นหมอครับ เอ่อหมอจิตรแพทย์” ร่างสูงจำเป็นจะต้องโกหกเพื่อความสบายใจของคนร่างเล็กถ้าบอกความจริงไปร่างเล็กคงไม่ให้อภัยแน่
“ คือผมจะคอยมาดู และให้คำปรึกษาคุณทุกวัน เพราะผมเข้าใจว่าคนที่ได้รับอุบัติเหตุทางสายตาอาจจะคิดมาก มันจึงจำเป็นที่ผมจะต้องคอยให้คำปรึกษาและคงจะต้องมาดูแลคุณทุกวันจนกว่าคุณจะกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง” ร่างสูงพูดจบก็ก้มลงหยิบถุงข้าวต้มที่ทำล่วงก่อนหน้านี้และวางลงที่โต๊ะข้างๆเตียง พรางมองร่างเล็กที่นั่งเงียบเหมือนกำลังฟังว่าร่างสูงทำอะไร
“ เอ่อ ตอนนี้คุณรู้สึกยังไงบ้าง” ร่างสูงเอ่ยถามพร้อมกับพาตัวเองนั่งลงที่โซฟาข้างๆเตียง
“ริท ผมรู้สึกทรมาน ริทมองอะไรไม่เห็นเลย ฮึกๆ และริทพูดได้คำเดียวว่าผมโกรธคนที่ขับรถชนผม ริทก็อยากจะรู้นักว่าจิตใจเค้าทำด้วยอะไรเพราะตั้งแต่ที่ผมฟื้นมาริทยังไม่ได้ยินคำขอโทษจากคนนั้นเลย หือๆ” ร่างสูงทำได้เพียงมองคนข้างหน้าที่กำลังมีน้ำตาไหลลงมาอาบแก้มด้วยความรู้สึกผิด
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะมาใหม่นะครับ น้องเอ่อน้องริท ” ร่างสูงพูดจบก็ลุกขึ้น เพราะเค้าไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงดี
“เอ่อ เดี๋ยวครับหมอ คุณหมอชื่ออะไรหรอครับริทจะได้เรียกถูก”
“ผมชื่อคิน หรือเรียกหมอคินก็ได้ครับ ” คนร่างสูงจำเป็นจะต้องโกหกโดยการขอร้องหมอเมฆผู้เป็นเพื่อนไม่ให้บอกความจริงกับคนร่างเล็กเพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย
หลายวันที่ผ่านมานี้ร่างสูงพยายามทำเกือบทุกอย่างเพื่อชดใช้ในสิ่งที่เค้าประมาท โดยการพาไปที่ต่างๆคอยพยุงเดิน คอยอยู่เป็นเพื่อนชวนคุยในเรื่องต่างๆ และดูเหมือนว่าคนร่างเล็กจะค่อยๆยอมรับกับสภาพความเป็นจริง
“ เอ่อ คุณหมอไม่ต้องป้อนริทก็ได้ครับ ริทกินเองดีกว่าคุณหมอไปทำงานเถอะครับ”
“ฉันรู้ว่าริทไม่กินผัก ถ้าริทตักกินเองริทอาจจะตักไปโดนผักก็ได้นะ ให้ฉันป้อนน่ะดีแล้ว” ร่างสูงพูดพร้อมกับตักข้าวต้มหมูสับไปจ่อที่บริเวณปากเล็กๆนั้น
“อะ อ้าปากสิ ”
“คือ..ริทอิ่มแล้วครับ”
“อิ่มแล้วหรอพึ่งกินไปไม่กี่คำเองนะ”
“ริทอิ่มแล้วจริงครับ เอ่อคุณหมอครับริทขอพูดอะไรหน่อยได้ไหมครับ
“ได้สิ ว่ามาเลย”
“คุณหมอไม่น่าเสียเวลามาดูแลริทถึงขนาดนี้เลย”
“ไม่เสียเวลาหรอกมันคือหน้าที่ตั้งหากล่ะ”
“แล้วคุณหมอไม่ไปดูแลคนอื่นหรอครับ”
“ไปสิ แต่ฉันเห็นริทแล้วรู้สึกถูกชะตาก็เลยมาอยู่เป็นเพื่อนทุกวันไง” ร่างสูงพูดก่อนที่จะลงนั่งที่โซฟาพลางมองไปที่ใบหน้าหวาน
“ขอบคุณครับที่คอยอยู่เป็นเพื่อนผมมาตลอด”
“ เดี๋ยวพรุ่งนี้ริทก็ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วนะ ดีใจไหม”
“ดีใจครับ ผมคิดถึงบ้าน”
“เดี๋ยวฉันมานะ เอ่อจริงสิวันนี้จะมานอนเฝ้าริทนะ ”
“คือ คุณ” ~ปัง~ ยังไม่ทันที่ร่างเล็กจะพูดจบเสียประตูที่ถูกปิดจากคนร่างสูงดังขึ้นมาเสียก่อน
“อ้าว ไปซะแล้ว เรารู้สึกเกรงใจเค้าจังเลยหลายวันแล้วที่เค้ามานอนเฝ้าเราทั้ง ๆที่เค้าไม่ใช่ญาติไม่ใช่คนที่ขับรถชนเราด้วยซ้ำ แต่ทำไมเค้าถึงทำดีกับเราได้ขนาดนี้นะ”
รถคันหรูได้แล่นมาจอดบริเวณหน้ามูลนิธิพร้อมกับร่างเล็กที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเบาะคนขับ ร่างสูงอ้อมรถไปเปิดประตูพร้อมกับพยุงตัวคนร่างเล็กให้เดินเข้าไปยังห้อง
“ถึงแล้วห้องริท นั่งสิ” ร่างสูงค่อยๆดันร่างเล็กลงเพียงเล็กน้อยเพื่อให้นั่งลงที่เตียง
“ขอบคุณครับ”
“เดี๋ยวถ้าริทพร้อมที่จะผ่าตัดเมื่อไร ก็บอกเดี๋ยวจะได้แจ้งทางโรงพยาบาล”
“ริทกับแม่คงไม่มีเงินเยอะขนาดนั้นหรอกครับ”
“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอกแค่ให้ริทพร้อมก็พอ” ร่างสูงพูดจบพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งข้างๆคนร่างเล็กพรางมองไปที่ใบหน้าหวาน ร่างสูงใช้มือไปแตะที่ไหล่เล็กนั้นเบาๆก่อนจะเอ่ยถ้อยคำออกมา
“ฉันอยากให้ริทหาย เพราะช่วงระยะที่ผ่านมาที่ฉันดูแลริท ฉันก็รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวด จนบางที่ฉันก็แอบเห็นริทร้องไห้อยู่คนเดียวมันทำให้ฉันรู้สึกเห็นใจริท จนทำให้ฉันอดที่จะร้องไห้ตามริทไม่ได้
“ขอบคุณที่หวังดีและดูแลริทมาตลอด ถ้าริทมองเห็นคุณเมื่อไรหวังว่าริทคงจะได้ตอบแทนบุญคุณ คุณนะครับ”
“คิดซะว่าฉันเป็นพี่ชายของริทเลยแล้วกัน นอนพักผ่อนเถอะ” ร่างสูงค่อยๆประครองร่างเล็กเพื่อให้นอนราบไปกับเตียง โดยที่ร่างสูงนั่งมองร่างเล็กที่กำลังจะหลับไป
หลายเดือนแล้วที่ร่างสูงเทียวไปเทียวมา ตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับแม่ของริทว่าเค้าจะดูแลริทจนกว่าตาจะกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง จนมาถึงวันนี้ที่หมอนัดให้มาผ่าตัดตาที่ถูกการกระทบกระเทือนและเศษกระจกที่เกิดจากอุบัติเหตุเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา
ร่างสูงกำลังเดินตามรถเข็นพยาบาลให้ทันเพื่อไปยังห้องผ่าตัดพร้อมทั้งสุและรินรดา โดยเค้าได้พูดกับร่างเล็กเพียงเล็กน้อยก่อนที่รถเข็นจะหายเข้าไปยังห้องผ่าตัด
“เข้มแข็งไว้นะ เดี๋ยวก็หายแล้ว fighting ๆ”
แสงแดดอ่อนในตอนเช้าส่องผ่านผ้าม่านของห้องพิเศษชั้น 6 ของโรงพยาล ก็ทำให้คนร่างเล็กรู้สึกตัวขึ้นหลังจากที่หลับใหลไปถึงหนึ่งวันเต็ม ร่างเล็กค่อยๆกระพริบตาอย่างช้าๆก่อนที่จะยันตัวเองให้ลุกนั่งพร้อมพรางมองไปรอบๆห้อง และตอนนี้ร่างเล็กก็เห็นผู้ชายร่างสูงที่กำลังหลับอยู่บริเวณโซฟาข้างๆเตียง
“คุณ ครับ คุณ” ร่างเล็กเอ่ยทักออกไปโดยไม่แน่ใจ ว่าใช่คนที่เค้าอยากพบหรือเปล่าและก็ดูเหมือนว่าร่างสูงจะเริ่มรู้สึกตัวตื่นแล้ว
“คุณใช่หมอคินหรือเปล่าครับ” เมื่อร่างเล็กได้จังหวะก็ถามคำถามที่อยากรู้มากที่สุด
“เปล่าครับ ผมไม่ได้เป็นหมอ”
“อ้าว” ร่างเล็กอุทานออกมา เหมือนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
“แต่ทำไมเสียคุณถึงได้เหมือน ช่างเถอะ แล้วคุณเป็นใครครับ”
“ผมเป็นคนที่ขับรถชนคุณเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา” ร่างเล็กเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าคนที่ขับรถชนจะกล้ามาเจอเค้าในวันนี้
“ คุณนี้เองที่ขับรถชนผม ! คุณรู้ไหมผมทรมานแค่ไหน ฮึก” ร่างเล็กสะอื้นเล็ก
“คุณรู้ไหมระยะเวลาที่ผ่านมาผมก็ได้แต่รอคนที่ขับรถชนผมจะมาขอโทษ แต่ไม่เลยคุณกับไม่เคยขอโทษหรือมาถามว่าเป็นผมยัง รู้สึกยังไง” ร่างเล็กทำได้เพียงจองมองใบหน้าชายหนุ่มด้วยอารมณ์โกรธเคือง
“ ผมขอโทษ ผมขอโทษจริงๆ ที่ผมไม่ได้บอกคะ..คุ” ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะพูดจบเสียงเล็กก็พูดแทรกมาเสียก่อน
“คุณกลับไป ! คำขอโทษของคุณตอนนี้มันไม่มีค่า กับไปเถอะ หรือคุณจะไปตายที่ไหนก็เชิญเลยคุณจะได้รู้สึกถึงความทรมานว่ามันเป็นยังไง
“คือผมจะ..” ร่างเล็กไม่รอคำพูดจากคนตรงหน้า พร้อมกับเอื้อมมือไปคว้าแก้วน้ำ สาดใส่เข้าที่ใบหน้าคนร่างสูงทันที
ร่างสูงค่อยๆหันหลังแล้วเดินออกไปเพราะเข้าใจความรู้สึกของริท ถึงพูดอะไรออกไปริทก็คงไม่ยอมฟัง
~แอ๊ด~เสียงประตูที่ถูกเปิดโดยผู้เป็นแม่ พลางมองลูกด้วยความสงสัย
“ ริท เป็นอะไรลูก”
“ผมเจอคนใจร้าย คนที่ขับรถชนผม ฮึกๆ หือๆ”เธอพอจะเข้าใจแล้วว่า ริทอาจจะยังไม่รู้ความจริง
“ริท โกรธเค้ามากหรอลูก” ผู้เป็นแม่พูดจบก็เอื้อมมือมาเช็ดน้ำให้
“ครับผมโกรธเค้ามาก”
“และถ้าแม่จะบอกว่า คนที่ลูกโกรธคือคนที่ค่อยมาดูแลลูกทุกวันล่ะ แล้วลูกยังจะโกรธเค้าอยู่หรือเปล่า”
“แม่หมายความว่ายังไง”
“ระยะเวลาที่ผ่านมาเค้าเป็นคนคอยดูแลลูกทุกอย่าง คอยมาเฝ่าลูก มาอยู่เป็นเพื่อน มันก็ทำให้แม่คิดว่าเค้าก็เป็นคนจิตใจดี
ไม่เคยใช้เงินฝาดหัวแต่กลับมาดูแลแทนเพื่อชดใช้ในสิ่งที่เค้าประมาทในวันนั้น” เมื่อร่างเล็กได้ยินอย่างนั้นก็รีบวิ่งออกไปจากห้องทันที
ร่างเล็กพยายามตามหาและได้แต่หวังว่าคนคนนั้นคงยังอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้
“เราไม่น่าพูดแรงๆแบบนั้นออกไปเลย น่าจะฟังให้จบก่อน” ร่างเล็กวิ่งเรื่อยๆจนตอนนี้ก็ได้มาหยุดตรงสวนดอกไม้ของโรงพยาบาล พร้อมกับก้าวเท้าเล็กๆนั้นไปยังบุคคลที่กำลังตามหา
“มาอยู่ตรงนี้เองหรอครับ ผมตามหาคุณแทบแย่” ร่างเล็กพูดก่อนจะพาตัวเองลงนั่งข้างๆร่างสูง พรางมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลานั้น
“คือริท ขอโทษนะครับที่ไม่ยอมฟังคุณพูดให้จบก่อน และริทต้องขอโทษอีกครั้งที่พูดจาแรงๆแบบนั้นออกไป เพราะว่าริทไม่รู้จริงๆ”
“ผมตั้งหากที่ต้องขอโทษริท เพราะผมโกหกทุกอย่างรวมไปถึง ทำให้ริทต้องตาบอดด้วย ต้องขอโทษจริงๆ” ร่างสูงหันมาและสบตากับคนร่างเล็กพอดี
“งั้นก็หายกันนะครับ เราเลิกพูดเรื่องนี้ดีกว่าริทไม่อยากได้ยินเรื่องราวที่ผ่านมาแล้ว” ริทพูดก่อนจะหันกลับไปมองรอบๆสวนดอกไม้
“หายโกรธพี่แล้วใช่ไหม”
“ ริทหายโกรธตั้งแต่รู้ว่าคุณเป็นคนดูแลริทมาตลอด แต่เอ๊ะเมื่อกี้คุณเรียกตัวคุณว่าพี่งั้นหรอ” ร่างเล็กเอียงคอถามด้วยความสงสัย
“ทำไมล่ะ ก็พี่จะรับริทมาเป็นน้องไง”
“น้องหรอครับ”
“ใช่น้องและพี่ตั้งใจไว้ตั้งนานแล้วว่าจะส่งริทไปเรียนที่ต่างประเทศ”
“คุณจะส่งริทเรียนต่อจริงๆหรอครับ แต่..ว่า”
“เรียงนี้พี่ขอแม่ริทแล้วว่าจะขอส่งริทเรียนเอง ก็พี่อยากให้น้องพี่ได้เรียนสูงๆและหลังจากเมื่อริทเรียนจบพี่ก็จะรับริทมาอยู่ที่บ้านของพี่ แต่..ไม่ใช่ในฐานะน้องชายนะ”
“คุณจะให้ผมเรียนจบแล้วก็มาใช้หนี้คุณหรอ”
“ไม่ใช่ๆ” ร่างสูงส่ายหน้าไปมาอย่างช้าๆพร้อมกับเอื้อมมือไปกุมที่มือเล็กนั้น
“ไม่ใช่ในฐานะน้อง แต่เป็น.. อยู่ในฐานะคนรักตั้งหากล่ะ” ร่างสูงหับไปสบตากับคนร่างเล็กอีกครั้งพร้อมกับกุมมือให้กระชับยิ่งขึ้น จนสังเกตได้ว่าใบหน้าของคนร่างเล็กเริ่มขึ้นสี
“ถึงระยะเวลาที่พี่ดูแลริทมันอาจจะเป็นช่วงเวลาสั่นๆ แต่มันก็ทำให้พี่มั่นใจว่าพี่สามารถดูแลริทได้ ไม่ใช่เพราะว่าพี่สงสารแต่มันเกิดจากความรักที่เริ่มก่อตัวขึ้นมาในช่วงที่พี่ดูแลริท” ร่างเล็กได้แต่นั่งอึ้ง มองคนข้างๆ ด้วยอาการเขินเล็กน้อย เพราะไม่คิดเลยว่าคนที่กำลังพูดความในใจจะคิดเหมือนกัน ใช่ถึงมันจะเป็นช่วงเวลาแค่ประมาณไม่กี่เดือนร่างเล็กก็สัมผัสได้ถึงความหวังดี
“เอ่อระ..ริทก็”
“พี่รู้ว่าริทกำลังอึ้งอยู่ แต่พี่ก็ให้เวลาริทได้นะ 4 ปีที่ริทไปเรียนพี่ก็จะรอริทกลับมาและพี่ก็จะไปขอริทแต่งงานกับแม่สุและเราก็จะได้อยู่ด้วยกัน”
“แล้วคุณจะรอได้หรอตั้ง 4 ปีเลยนะ”
“ได้สิแค่ 4 ปีเองพี่รอได้ แล้วถ้าถึงวันนั้นพี่ก็แน่ใจว่าพี่สามารถดูแลริทได้จริงๆ” ร่างสูงหันไปก่อนที่จะหันตัวคนร่างเล็กให้สบตาก่อนที่เค้าจะค่อยๆสวมกอดคนตรงหน้าอย่างนุ่มนวล พร้อมกับกระซิบข้างหูของคนร่างเล็กทันที
“พี่แค่อยากจะบอกว่าพี่รักริทตั้งแต่แรกพบ” ร่างสูงค่อยๆคลายร่างเล็กออกจากอ้อมกอดพร้อมกับจองมองไปที่ดวงตาคู่สวยนั้นที่กำลังเขินอาย
“แล้วริทล่ะ เริ่มชอบพี่หรือยัง” ร่างเล็กพรางครุ่นคิดในใจก่อนที่จะยื่นใบหน้าหวานนั้นพร้อมกับกดจูบที่แก้มของคนร่างสูงแล้วเดินหนีไปทันทีด้วยความเขินอาย เหลือแต่เพียงร่างสูงที่นั่งอึ้งพร้อมกับได้รู้คำตอบว่าร่างเล็กคิดยังเมื่อตั้งสติได้คนทั้งสองก็ได้แต่วิ่งไล่จับอย่างมีความสุข
Tono
ขอบคุณสวรรค์ที่ทำให้เกิดเรื่องในวันนั้น พร้อมกับส่งคนที่น่ารักๆมาให้ผมดูแล
ผมจะไม่ยอมปล่อยหัวใจของผมให้ทุกข์ทรมานเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว
ผมสัญญาว่าจะดูแลริทให้เท่ากับชีวิตของผม ขอบคุณที่ส่งริทมาและผมสัญญาว่าจะดูแลหัวใจดวงนี้ที่ผมรอคอยมากตลอดให้ดีที่สุด
ภาคิน♥เรืองฤทธิ์
I promise
.
..
ติชมกันได้นะคะ
ผลงานอื่นๆ ของ New_NR [68]★ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ New_NR [68]★
ความคิดเห็น